วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ธนาคารปูบ้านบางพัฒน์ จ.พังงา


ธนาคารปูบ้านบางพัฒน์

ธนาคารที่ไม่ต้องการเงินฝาก มีแต่น้ำใจของชาวชุมชนที่ต้องการให้ชาวประมง
มีดอกเบี้ยเป็นปูตัวใหญ่ๆในอนาคต จุดเริ่มต้นของธนาคารปูเริ่ม เมื่อชาวบ้านชุมชนบางพัฒน์
ไม่สามารถหาปูได้เหมือนเมื่อก่อนจึงช่วยกันคิดและหาทางแก้ไข โดยใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน
มาพัฒนาและปรับปรุงให้เข้ากับยุคสมัย ธนาคารปูจึงเป็นชื่อและความร่วมมือร่วมใจของชุมชนชาวบางพัฒน์
โดยเมื่อชาวบ้านจับปูไข่ได้ ก็นำมาบริจาคใส่ลงกระชังเพื่อที่จะให้ปูสามารถออกไข่และเติบโตได้ในอนาคต
ใช้เวลาประมาณ 15-20 วัน เมื่อปูสลัดไข่แล้วเรียบร้อย ชาวบ้านก็นำปูไปขาย
และนำเงินมาบำรุงชุมชน ธนาคารปูเริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2551มีการพัฒนาจนได้รับรางวัลชุมชนต้นแบบระดับประเทศ
เป็นการอนุรักษ์สินทรัพย์ทางทะเลแบบยั่งยืนชาวบ้านบางพัฒน์ส่วนใหญ่เป็นชาวประมง
ไทยมุสลิม มีประชากร 76 ครัวเรือน นอกจากจะมีธนาคารปูแล้วชาวบ้านยังทำโฮมสเตย์ชุมชนบางพัฒน์
นักท่องเที่ยวสามารถทำกิจกรรมร่วมกับชาวบ้าน อาทิเช่น ปล่อยปูไข่ลงกะชัง ปลูกป่าชายเลน ป่าโกงกาง
และท่องเที่ยวเชิงนิเวศ พร้อมทั้งอาหารทะเล ที่มีให้เลือกตั้งแต่ กุ้ง หอย ปู ปลา และ แมลงดาทะเล
เสิร์ฟกันแบบ สด สด ที่พลาดไม่ได้คือการนั่งเรือชมรอบๆ ชุมชนบ้านบางพัฒน์ราคาเริ่มต้นที่ 300บาท
พร้อมความสุขสุดแสนโรแมนติกเมื่อนั่งเรือตอนพระอาทิตย์ตกดิน

หากอยากจะนอนนับดาวต่อ สามารถติดต่อห้องพัก โฮมสเตย์ชุมชนบางพัฒน์
ได้ที่
ผู้ใหญ่ พนัชกร ก้าหริมการ โทร. 080 141 6894 หรือ
คุณอารีย์ อัสนีย์ โทร.086 274 4557
ตำบล บางเตย อำเภอ เมือง จังหวัดพังงา
ออกจากตัวเมืองพังงาใช้เส้นทาง 415 ถึงตำบลบางเตยเลี้ยวขวาเข้าไปทางโรงเรียนบ้านเขาเฒ่า จนสุดทางประมาณ 21 กิโลเมตร

Crab Bank at Bang Pat

Compared to many years ago the number of natural crab caught Bang Pat,
a small Muslim fishing village in Phang Nga, has rapidly decreased.
The local villagers got together and brainstormed in an attempt
to find a solution to this problem. As a result of this The Crab Bank
was established in the village in 2008. The main mission of the Bang Pat
Crab Bank is to conserve the eggs of the pregnantcrabs that have been
caught by the fishermen.

Every time there are crabs carrying eggs caught in the net, the fishermen
will bring these crabs to the crab bank. The bank will look after
the crabs, and then wait
15 – 20 days until they lay their eggs.
After that the fishermen are able to get their crab back. The crab eggs
are tended by the volunteers and finally released into the sea at the
appropriate time.

The Crab Bank is a sustainable crab conservation project making Bang Pat
village a pilot scheme for marine resource sustainable conservation.
The community later decided to become an ecotourism village, featuring
home-stays with local Muslim families, delicious fresh seafood, traditional
fishing and mangrove planting tours.If you are looking for a truly different
experience while travelling in Phang Nga, then why not consider staying
at Bang Pat for a night. I am certain that experiencing the traditional
lifestyle of this peaceful fishing village, along with learning about
crab conservation, would be both rewarding and entertaining.

For more information please contact
Khun Panatchakorn Kalimkarn Tel.+66 (0) 80 141 6894 or
Khun Aree Asanee Tel.+66 (0) 86 274 4557

วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553

50 ความจริงโฆษณาไทย

1. ถ้าโฆษณาไหนต้องใช้โน้ตบุ้กประกอบฉาก มันจะต้องเป็น Macbook เท่านั้น
2.
คุณแม่ใจดีในโฆษณาผงซักฟอกไม่มีจริงในโลก เพราะแม่ตัวจริงเจอลูกทำเสื้อเลอะ
แบบที่เห็นในโฆษณา อีตัวลูกโดนตบนมแตกตายตั้งแต่ก่อนเข้าบ้านแล้ว
3.
โฆษณาของหน่วยงานของรัฐฯ มักจะดูเสล่อๆ
4.
ขนมในโฆษณาขนมกุ๊บกิ๊บทั้งหลาย มันจะตัดปากถุงซะเรียบแปล้
ทั้งๆที่ในโลกความจริง ไม่มีใครเขาเอากรรไกรตัดฝากถุงอย่างนั้นซักคน
5.
จนป่านนี้แล้ว อียูโรคัสตาร์ดเค้ก มันก็ยังหน้าด้านโฆษณาว่าเค้กมันไส้ไหลล้นทะลัก
ทั้งๆที่ใครๆก็รู้ว่า เมนส์ปลวกยังเยอะกว่าไส้ขนมมันเลย
---
สคบ. ช่วยจัดการด้วย
6. โฆษณาการบินไทย ใช้แอร์ดูสาวและสวยมาก แต่ของจริงบนเครื่องนั้นป้าที่สุด!
7.
โฆษณาของ Dtac
ไม่เคยใช้ดาราดังแสดง
8. หลายบริษัทเอาคนในบริษัทตัวเองนี่แหละ มาเล่นโฆษณาเองซะเลย ประหยัดดี!

9. บางทีเห็นโฆษณาเดียวกันฉายต่อติดๆกัน อันนั้นเขาตั้งใจจริงๆนะครับ
10.
โฆษณาท่องเที่ยวไทยที่ป้าเบิร์ดเล่น เฟคมาก นั่นป้าวิ่งเล่นอยู่ในโลกความฝันหรือครับ?
11. เมืองไทยเคยมีโฆษณาแชมพู ที่นางเอกผมเงาจนสะท้อนหน้าคนบนเส้นผมมาแล้ว!

12. และเมืองไทยก็เคยมีโฆษณาจั๊กกะแร้ขาวถึงขั้นมีแสงพุ่งออกมาจากจั๊กกะแร้มาแล้ว!
13. มีสินค้าหลายตัวที่ดัง และขายดีมาก โดยไม่เคยออกโฆษณาทีวีแม้แต่ครั้งเดียว
14.
ห้องครัวในโฆษณาผงปรุงรสต่างๆ ดูดีและสะอาดเกินกว่าห้องความในโลกความจริง
15. ครีมบำรุงผิวสมัยนี้ มีอิทธิฤทธิ์ถึงขั้นใช้แล้วผัวเปลี่ยนพฤติกรรมได้ มหัศจรรย์มั้ยล่ะ!

16. สังเกตดีๆว่า พวกโฆษณาที่อ้างว่า 99% ของผู้ทดลองใช้พอใจ มันจะมีตัวหนังสือเล็กๆ
บอกว่าจริงๆแล้ว สำรวจกับคนประมาณ
112
คนในประเทศแถวๆอเมริกาใต้
17.
ทำไมเบียร์ต้องได้เหรียญทอง? ตกลงเอ็งจะขายเบียร์หรือไปวิ่งแข่งโอลิมปิก?
18. อีห้องแล๊บของ pond’s ที่เป็นห้องขาวทั้งห้อง ดูแล้วนึกว่าเป็นแล๊บ NASA

19. โฆษณาขนมหลอกเด็ก กล้องจะไม่ตั้งตรงๆ แต่จะหมุนไปหมุนมา ซูมเข้าซูมออกตลอด
20.
โฆษณาน้ำยาปรับผ้านุ่ม เวลาดมผ้า จะมีดอกไม้พุ่งออกมาจากผ้าขนหนูทุกครั้ง
21.
โฆษณาประตูน้ำโพลีคลินิก เป็นโฆษณาที่อุบาทว์ชาติชั่วมาก
เพราะทั้งโฆษณาไม่มีอะไรเลย นอกจากตัวหนังสือวิ่งๆ เหมือนใช้
powerpoint
ทำ
22. ตัวหนังสือเล็กๆ ใต้จอที่เล็กจนอ่านไม่ออก หลายคนในวงการเรียกว่า มดวิ่ง

23. โฆษณาประเภทโปรโมชั่น ตอนจบมักมีคนจำนวนมากยืนกระจุกกัน กำหมัดชูมือ แล้วร้อง เย้!”
24.
โฆษณาเอ็มเค เรียงอาหารในหม้อสุกี้ได้โคตรเฟค มีใครเขากินสุกี้ประดิดประดอยกันแบบนี้ด้วยเหรอ?
25. โฆษณาของบาร์บีคิวพลาซ่าก็เช่นเดียวกัน ใส่ผักในกระทะเยอะเว่อร์! ชั้นไปร้านแกเพื่อกินเนื้อเว้ย!

26. โฆษณาของ ไทยประกันชีวิต นั้นโคตรเศร้า...
27. ในขณะที่ โฆษณาของ เมิองไทยประกันชีวิต
นั้นโคตรฮา...
28.
โฆษณาของโค้กจะแอบกัดเป๊ปซี่แบบเนียนๆอยู่เกือบทุกเรื่อง (ลองสังเกตดีๆ ...)
29. โฆษณาน้ำยาล้างจาน จะต้องมีฉากที่เอามือลูบจานแล้วได้ยินเสียง วื้ด
เพื่อยืนยันความสะอาด
30.
โฆษณารถกระบะ จะต้องมีฉากเลี้ยวโค้งหักศอก แอ่งน้ำขังบนพื้นสาดกระจายยยยย
31. โฆษณาเครื่องดื่มบรรจุขวด พรีเซนเตอร์ต้องกระดกขวดเท่านั้น ห้ามใช้หลอดดูดเด็ดขาด!
32.
โฆษณาผ้าอนามัยทุกยี่ห้อ ใช้ของเหลวใสสีฟ้าหรือเขียวแทน...เอ่อ... นั่นล่ะครับ
33.
มาม่าในชามในโฆษณา จะมีหมูสับลอยฟ่องเป็นแพ พร้อมผักและดอกไม้ใบหญ้าอีกมากมาย
34.
โฆษณาไวเทนนิ่ง จะต้องมีฉากที่นางเอกค่อยๆลอกคราบทีละชั้นจากดำเป็นขาว
35. หลายคนคอนเฟิร์มว่าพรีเซนเตอร์ผู้ชายของโฆษณา NIVEA
หล่อล่ำลากเลือดมาก...
36.
ช่างก่อสร้างในโฆษณาปูนบางยี่ห้อ หน้าตาดีซะจนอยากจะทุบบ้านให้ช่างคนนี้มาซ่อมให้
37.
โฆษณาแชมพู มักมีเนื้อเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับแชมพู เช่น นางเอกไปสมัครงาน หรือเล่นคาราเต้
38.
พรีเซนเตอร์ในโฆษณามักใส่เสื้อสีเดียวกับสีของผลิตภัณฑ์นั้นๆ
39. โฆษณาสินค้าทุกประเภทที่เกี่ยวกับการ ฆ่าเชื้อ หรือ ทำความสะอาด
จะต้องมีฉากแบ่งครึ่งจอเพื่อเทียบกันซ้ายขวาเสมอ (ข้างที่ใช้กับไม่ใช้)
40.
และแม้ว่าสินค้านั้นจะฆ่าเชื้อได้สะอาดขนาดไหน เราจะเห็นภาพเชื้อโรคเหลืออยู่หย่อมเล็กๆเสมอ
41.
เราจะไม่เห็นขวดเหล้าขวดเบียร์ในโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แม้แต่ขวดเดียว
42. โฆษณาเดียวกัน ---
ถ้าดูในโรงหนังมันจะได้อารมณ์กว่า เศร้ากว่า ฮากว่าดูที่บ้าน
43. เพลงบางเพลงดังได้เพียงเพราะโฆษณาหยิบมาใช้ (เช่นเพลงในโฆษณาชุด แม่ต้อย
)
44. โฆษณาประเภท testimonial
ที่ให้คนเคยใช้สินค้าออกมายืนยัน บางทีจริงแต่ชื่อ แต่คนแสดงไม่จริง เพราะหน้าตาตัวจริงน่ากลัวจนกล้องถ่ายไม่ติด ...เอ้ย ไม่ดีพอจะขึ้นกล้องได้ จึงต้องใช้คนแทน
45. โฆษณาน้ำอัดลม คนดื่มแล้วจะต้องร้อง อ้าหห์
เสมอ
46.
มีโฆษณาหลายตัวที่ให้พรีเซนเตอร์เอาสินค้าแนบใบหน้าซะใกล้จนเกินเหตุ
47. ในไทยรัฐหน้าบันเทิง คอลัมน์ บันเทิงไทยรัฐ นี่มันโฆษณาเครื่องสำอางชัดๆ!

48. เสียงเคี้ยวขนมในโฆษณามันฝรั่งทอดจะดัง กร้วม แบบไร้มารยาทสังคมที่สุด
49.
บางทีเราก็มัวแต่ดูหน้าดูนมของพรีเซนเตอร์ จนลืมดูสินค้าไปโดยปริยาย
50. และโฆษณาบางเรื่อง แม่งตลกชิบหาย ตลกจนดูจบแล้วยังจำชื่อสินค้าไม่ได้...

กลอนความรัก ^^

เอา array มาเก็บความรัก

เอา buffer มาพักใจไว้

เอา struct มาใส่ความห่วงใย

แล้ว save เก็บไว้ในหัวใจเธอ

complie ความปรารถนาดี

ที่ execute ไว้เสมอ

ยามใดที่ interrupt แล้วพบเจอ

อยากจะ copy หน้าเธอไว้ทุกมุม

ls ดูความจริงใจ

ftp ความคิดถึงไปทั่วกลุ่ม

declare ความห่วงหาให้ครอบคลุม

แล้ว click ปุ่มเพื่อส่งความหวังดี

del ความบาดหมางของสองใจ

network เชื่อมใยใจที่ล้นปรี่

ให้ ram เก็บความรู้สึกที่มี

ใช้ pointer ชี้สายสัมพันธ์

เก็บค่าความสุขลงใน file

แล้ว move ค่าความโศกศัลย์ทิ้งใน bin โดยพลัน

เหลือ quota ไว้แค่ฉันกะเธอ

รัก ชอบ หลง ต่างกันนะ

1. “ชอบ”คำนี้ควรเอาไว้หน้าเครื่องหมายของความรักเพราะจะทำให้ความรักปลอดความขัดแย้ง มักจะมีความสุข และสมหวังเพราะ

1.1 ชอบ คือ รสนิยมตรงกัน นิสัยไปด้วยกันได้ เข้าใจกัน คุยกันถูกคอ เรียกว่าชอบพอกัน เช่น การคบเพื่อนเราก็ใช้ความรู้สึกนี้ เราจึงชอบเพื่อนรักเพื่อน มีความสุขพอใจ เมื่อได้อยู่กับเพื่อน แม้จะคบกันมาตั้งแต่วัยเรียน จนถึงทำงาน จนถึงแก่กว่า เพื่อนก็ไม่เคยหมดความหมาย เพราะมาจากรากฐาน ชอบ

1.2 ถ้าคำว่า “ชอบ” นำมาใช้กับคนที่รักของเรา ก็จะเพิ่มดีกรีดีกว่าเพื่อนขึ้นไปอีก เหตุนี้ควรพิสูจน์นิสัยใจคอ จนสามารถชอบเขาได้แล้วค่อยกลายเป็นความรักจึงจะถูกต้องอย่างที่ว่า“จะรักใครควรจะชอบเขามาก่อน แล้วความรักจะยั่งยืน

1.3 แต่… ส่วนใหญ่ยังไม่ทันชอบเลย ไม่รู้เสียด้วยว่าลูกใครครอบครัวเขาเป็นอย่างไร รู้แต่ชื่อเล่น ชื่อจริง ส่วนนามสกุลเอาไว้บอกทีหลัง เราก็รักไว้ก่อน ชีวิตครอบครัวจึงไม่ประสบผลสำเร็จ ล้มเหลว วันหนึ่ง ๆ แต่งงานเป็นร้อยคู่ แต่ก็หย่ากันวันล่ะ 200 คู่ ขาดทุน 100% ขาดทุน 100% เพราะเรียงลำดับผิด

1.4 เพราะถ้าเอาความ รัก ขึ้นหน้าไว้อันดับหนึ่งก่อน ชอบมักจะมองข้ามความบกพร่อง ความไม่ดีทุกอย่างของคนที่เรารักไปอย่างที่ผู้ใหญ่บอกว่า “ความรักทำ ให้คนตาบอด” พ่อแม่ห้ามก็ไม่ฟัง

1.5 แต่…ถ้า เอาชอบไว้ก่อนยังไม่รัก ถ้าคนรักเกิดพลิกล๊อค กลายเป็นไม่ดี เพราะไม่มีอะไรจะซ่อนเร้นมิดชิดและปกปิดได้นาน เท่ากับหัวใจคน เรารู้ก่อนที่จะรัก เราก็ตัดใจได้ไม่ยาก ชอบมาก่อน จึงเกิดผลดีอย่างน้อย 2 ประการ (1). ตัดใจได้ง่าย (2). ได้คนดี

2. คำว่า “รัก” มีความหมายลึกซึ้งมากกว่าที่คุณคิด คนส่วนใหญ่จึงไม่รู้ความหมายคำว่ารักอย่างแท้จริง เพราะไม่คิดถึงทั้งๆ ที่ตัวเองก็กำลัง ประพฤติอยู่

2.1 รัก มีความหมายถึงการอยากให้ ให้คนที่ตนรักมีความสุข แล้วตัวเองก็ต้องมีความสุขด้วย ทั้งที่ความสุขนั้นอาจจะไม่ใช่หมายถึงความสมหวังเสมอไป “ในความรักไม่มีความกลัว เพราะความกลัวถูกจัดเข้ากับการลงโทษ”mแต่การเสียเขาไปต้องมีเหตุผลที่สมควรจาก 2 ฝ่ายด้วย ไม่ใช่เราคิดไปเองว่าเขาคงจะได้ดี แล้วก็ทิ้งเขาไป (เห็นได้จากในภาพยนตร์บ่อย ๆ) ซึ่งทำให้เราต้องสูญเสียโอกาสทั้ง 2 ฝ่าย กลายเป็นจบลงด้วยความเศร้าแทน

2.2 รัก “ถ้าเราจะรักใครซักคน เราต้องคิดอยู่เสมอว่า เราจะให้อะไรกับเขา ไม่ใช่จะได้อะไรจากเขา” ความรักนั้นก็อดทนนานและกระทำคุณให้ ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด แต่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ ความรักทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง

2.3 ในความรักไม่มีความกลัว เพราะถ้ามัวแต่กลัวจะเหมือนกับการโดนลงโทษ แล้วอาจจะ โดน ม.ค.ป.ด.

3. คำว่า “หลง” หลงกับรักมักจะแยกกันยากมาก เพราะอาการคล้าย ๆ กัน ทีแรกก็ปลูกต้นรัก แต่พอต้นรักเติบใหญ่ ทำไมออกดอกเป็นความหลง ความหลงจะสำแดงแตกต่างจากความรักสังเกตได้ 3 ประการ

3.1 เห็นแก่ตัว กอบโกยความสุขจากคนรักให้มากที่สุด เช่น
ขอพบ ขออยู่ใกล้ ให้คนรักปรนนิบัติเอาใจ เรียกร้องความสนใจตลอดเวลา เอาแต่ความสุขความพอใจตนเองเป็นใหญ่
คนรักจะทุกข์ยากอย่างไรไม่สน ตัวเองจะยอมทุ่มเททุกอย่าง เช่น
- ทรัพย์สินเงินทองปรนเปรอ
- ถ้าไม่ได้ก็ใช่เล่ห์กล ไม่ได้ด้วยมนต์ก็เอาด้วยคาถา พวกหมอดู
คนเจ้าเข้าทรง หมอผีร่ำรวยก็เพราะคนพวกนี้ ดูผิวเผิน เหมือนความรักสุดใจแต่ไม่ใช่ เพราะความรักเป็นความสุภาพ เสียสละ อ่อนโยน มีเหตุผล

3.2 ความหลงจะสังเกตได้ จะไม่มีลดน้อยหรือแม้แต่ตัว แต่จะร้อนแรงขึ้นเป็นลำดับ เหมือนถูกผีกระทำ จะไม่มีเหตุผล เกรี้วกราด รุนแรง เอาแต่ใจ เรื่องเล็กก็กลายเป็นเรื่องใหญ่

3.3 การหึงหวง อย่างรุนแรง ไร้เหตุผล แม้ตัวเองจะได้ตายก็ยอม เช่นฆ่าตัวตาย หรือ ฆ่าตัวตายทั้งคู่ ตามหนังสือพิมพ์ที่ออกข่าวบ่อย ๆ เช่นรักไม่สมหวัง หลายคนเห็นใจที่เขาบูชารัก แต่นั่นคือการเข้าใจผิด มันไม่ใช่ความรัก เพราะความรัก คือความอ่อนโยน มีเหตุผล ไม่กระทำผิด แต่ความหลงกระทำให้เรา “คิดสั้น” “หลงผิด” ถูกครอบงำด้วยอำนาจที่แฝงแปลงร่างมาคล้ายกับความรักแท้

ความรัก ไม่มีถูก - ผิด

คุณไม่ผิดที่ไปรักเขาคนนั้น

และเขาเองก็คงไม่ผิดที่ไม่ได้รักคุณ

ในทางตรงข้าม คุณไม่ผิดที่ไม่ได้รักเขาคนนั้น

และเขาก็ไม่ผิดที่มารักคุณเช่นกัน

การห้ามใจไม่ให้รักนั้นยากนัก

แต่คงเทียบไม่ได้กับการห้ามใจให้ลืมรักเพราะย่อมยากกว่า

คุณอาจทำได้เมื่อมีใครอีกคนก้าวเข้ามาในชีวิตคุณ

แต่มันคงไม่ง่าย ถ้าคุณต้องหักใจให้ลืมในขณะที่คุณอยู่คนเดียว

เขาว่าการชนะใจตัวเองนั้นอาจดีและมีค่าที่สุด

แต่ในเรื่องความรัก การชนะใจคนที่เรารักนั้นอาจย่อมมีค่ากว่า

แต่มันอาจมีค่ากว่านั้น . . .

ถ้าคุณสามารถชนะใจตัวเองที่จะปฏิเสธกับความรักที่ย้อนมาหาคุณ

และมันอาจมีค่าที่สุด ถ้าคุณยอมที่จะ "แพ้" ใจตัวเองเพื่อจะกลับไปหาความรักนั้น

ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน

แต่อย่าลืมว่าบนโลกไม่ได้มีคนสองคนเท่านั้น

อย่าโกรธเขาที่ต้องปฏิเสธรักจากคุณ

ด้วยเหตุผลว่าเราเข้ากันไม่ได้

ด้วยเหุผลว่าสังคมเราต่างกัน

ด้วยเหตุผลว่าเขารักคนอื่นที่มีค่าพอกับคุณ

วิทยาศาสตร์อาจต้องการเหตุผล

แต่เรื่องความรักย่อมไม่ต้องการเหตุผลใดใด

คนดีอาจรักกับคนเลว

จงอย่าโทษเขาว่าเขารักคนผิด

จงอย่าโทษเขาว่าเขารักคนที่ไม่เอาไหน

และจงอย่าโทษตัวเองว่าเรารักคนที่ไม่ดี

จงเชื่อในสายตาของตัวเอง

จงเชื่อประตูหัวใจอันมีค่าที่เลือกจะเปิดรับเขาคนนั้น

แม้ใครจะพูดว่าคู่ของเราเป็นคนไม่ดี

แต่ในแง่ของความรัก คุณทั้งสองเป็นคนดีของกันและกัน

เหตุผลทั้งหมดเพราะความรักแต่ละคนย่อมต่างกัน

ไม่แปลกที่บางคู่อาจทะเลาะกันทั้งวัน

ไม่แปลกที่บางคู่อาจหวานให้แก่กันได้ทั้งวัน

และไม่แปลกที่บางคู่ต่างเฉยชาต่อกัน

และก็คงไม่แปลกเลยที่บางคู่อาจต่างกันราวฟ้ากับดิน

อย่าไปคิดว่าทำไมคู่เราถึงไม่เหมือนคู่ของใครเขา

อย่าไปคิดว่าคู่เราแปลกหรือเปล่า

อย่าไปสนใจว่าเราควรเปลี่ยนแปลงอะไรไหม

ถ้าจะเปลี่ยน ขอให้เพื่อรักมิใช่เพื่อเลิกรัก

คุณควรจะรักแบบไหน???

“ความรัก” ของหลายคน อาจไม่อ่อนหวาน

แต่ทุกคน(ส่วนใหญ่) อาจจะมี “ความรัก” ที่อ่อนไหว

จะมีใครบ้างที่ไม่เคยอมยิ้มคนเดียวเพราะ "ความรัก"

และจะไม่มีใครบ้างที่ “ความรัก” ไม่เคยทำให้ร้องไห้แม้แต่ครั้งเดียว

หลายคนจึงบอกว่า

“ความรัก” เป็นเหมือน “ทะเล”

มีเวลาที่นิ่งสงบ มีเวลาที่มีคลื่นลม

มีเวลาที่สวยงาม และมีเวลาที่น่ากลัว

แต่ถึงอย่างไร ใครต่อใครก็ยังอยากจะไปทะเล

เช่นกันไม่ว่าจะอย่างไร ใครต่อใครก็ยังอยากจะมีความรัก

แม้ว่ารักนั้นจะเป็นรักข้างเดียว

แม้รักนั้นจะทำให้ทุกข์ทรมานสักเพียงใด

แม้รักจะทำให้หลับไปทั้งน้ำตาของความเสียใจก็ตาม

แล้วจะรักแบบไหน? ให้พอดีในความอ่อนไหว

ไม่จืดชืดเย็นชาจนน่าเบื่อ ขณะเดียวกันก็มีความมั่นคงในใจ

คำตอบที่มีให้ คือให้ รั ก กั น แ บ บ ทะ เ ล

โดย ห่วงใยกัน ให้มากเท่าเท่ากับเม็ดทราย

ให้อภัยกัน ให้ได้ . . .

เหมือนที่ทะเลไม่เคยโกรธเกลียวคลื่น

. . . ไม่ว่าคลื่นจะโหมกระหน่ำรุนแรงแค่ไหน

ในบางครั้งที่ต้องห่างไกล หัวใจก็ต้องคงมั่นได้เหมือนโขดหิน

. . . ไม่เปลี่ยนใจง่าย ไม่อ่อนไหวไปรักคนอื่น

ให้ความอิสระ เหมือนอย่างนกทะเลต้องการจากท้องฟ้า

. . . อย่ากักขังคนรักไม่ให้คบเพื่อน ไม่ให้ไปไหนทั้งนั้น

ความผูกพันไม่ใช่คุก ถึงจะคบกันแล้วก็ไม่ได้หมายความว่า

. . .ต้องสบตาฉันคนเดียวเท่านั้น

และไม่ทำตัวเป็นเจ้าของหรือออกกฏหมายบังคับอีกคน

. . . เพราะทะเลก็ยังไม่เคยครอบครองปลา

แล้ว “ความรัก” ที่แม้จะดูอ่อนไหวและแปรปรวน

ก็จะเป็น “ความรัก” ที่มีอยู่นาน เช่นเดียวกับที่ทะเลมีอยู่บนโลกนี้

ถ้าสิ่งของพูดได้ มันอยากพูดว่าอะไร

กระทะ - เปิดไฟเบา ๆ หน่อย..ร้อนนะโว้ย

โถส้วม - พี่ ๆ เสร็จแร้วราดน้ำด้วยสิพี่..เหลืองเชียว
ผักน่ะหัดกินซะมั่ง

ไฟฉาย - วันไหนที่เธอหมดหนทางสว่าง (ไฟดับ)
ขอให้เธอคิดถึงฉันเป็นคนแรก

ยกทรง – เฮ้ย ๆ..จะเอาฟองน้ำมายัดทำมัยวะ...ยอมรับความจริงหน่อยดิ

โทรศัพท์ - หนวกหูว่ะ..พูดอยู่ได้ ปากก้อเหม็น
แม่งอย่างกะไปอมหมาเน่ามา

กล้องถ่ายรูป - หน้าเห่ย ๆ ทำท่าไหนก็ไม่สวยหรอกโว้ยย

นาฬิกา - เวลาไปไม่ทันนัด..โทษว่ากรูเสีย อ้ายบ้า!!
ให้กรูเป็นแพะรับบาปแทนเมิงอยู่เรื่อย

โลงศพ - สุดท้ายพวกเมิงก็มานอนกับกรู

เข็มทิศ -หลงทางสิเมิง!!

แก้ว - จับเบา ๆ หน่อยสิ แตกเมื่อไหร่เมิงเจ็บ

ผ้าเช็ดหน้า - น้ำตาพอไหว น้ำหมากน้ำลายน้ำมูก..ไม่เอานะเว้ยย

กระสอบทราย - ผมไปทำอะไรให้พี่เจ็บแค้นนักหนาเนี่ย

กีตาร์ - เล่นไม่ดีมาโทษกรูว่าสายเพี้ยน

ลูกฟุตบอล - เล่นกันจนผมเวียนหัวแร้วโว้ย...โยนกันไปกันมาอยู่ได้
อยากได้กรูชั่วครั้งชั่วคราวทั้งนั้น เชยชมสมเท้าแร้วก็เตะกรูส่ง..เวร

มีด - หั่นหมู..หั่นผัก ง่ายดาย แต่หั่นเธอออกจากใจ..ยากจัง

ผ้าเช็ดหน้า 2 - เข้าใจแร้วครับว่า..หมาตายในปากเป็นไง

พัดลม - เมิงเย็น..กรูร้อน

แอร์ - บิลค่าไฟมา โทษกรูทั้งปี

น้ำแข็ง - แค่เธอเอามือมาจับตัวฉัน ฉันก็แทบจะละลายคามือเธอแร้ว
ละลายในปาก..แระละลายในมือ

รองเท้า -เดินดูทางหน่อยสิวะ..เหยียบขี้หมาจนได้ ซวยเลยกรู..เต็ม ๆ
เลยเมิง แต่เต็มหน้ากรู!!

กระจก - อินี่บ้าหรือเปล่า มาถามอยู่ได้..ว่าใครงามเลิศในปฐพี

CD - แผ่นก๊อป..เราเป็นได้แค่ตัวแทนของใครบางคน
ไม่ใช่ตัวจริง..แต่ราคาถูกกว่า

หนังสือโป๊ - ช่วยเช็ดน้ำลายออกจากตัวผมด้วยครับ

ลูกอม - เทคนิคการใช้ลิ้นของเขา..เล่นเอาฉันละลายไปเลย

เข็มฉีดยา - ไม่ต้องกลัวนะที่รัก มันเจ็บเหมือนมดกันเอง

เข็มฉีดยา 2 -อ้ายเด็กเวงนี่..ร้องอยู่ได้จะกลัวทำมายแค่เข็ม
แม่เมิงตีเจ็บกว่ากรูอีก

ปฏิทิน - เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน แค่ปีเดียวเองนะครับ..ฉีกกรู กรูต่อย!!

หวี - ลุง..มีแค่นี้เอามือลูบก็ได้

เก้าอี้ - โอ้ว..ก้นช้างหรือคนวะเนี่ย

รีโมท - เราอยู่ในภาวะที่โดนกดดันอย่างหนัก
ลูกไก่ในกำมือชัด ๆ ทะเลาะกันทีไร..เขวี้ยงกรูทิ้งทุกที

กลอง- เฮ้ย ๆ เมิงอ่ะมัน แต่กุอ่ะเจ็บน่ะ เอาเข้าไป

จอคอมพิวเตอร์ ...... จ้องอยู่ได้ !!!! เขิล

กฎต่างๆ ขำขำ

1. กฎความเป็นไปได้
ขนมปังทาเนยที่พลัดตกพื้น จะเอาหน้าด้านที่มีเนยคว่ำลงเสมอ
และโอกาสที่เนยตกเปื้อนพรม จะมีมากขึ้นเป็นสัดส่วนกับราคาของพรม

2. การดูดวง
หมอดูมักทายหลายเรื่องทั้งดีและเลว
แต่เรื่องที่แม่นที่สุดคือเรื่องที่เลวที่สุด

3. กฎแห่งความแม่นยำ
หากขว้างก้อนหินสะเปะสะปะ มันจะพุ่งตรงเข้าหาวัตถุที่มีราคาแพงที่สุด

4. กฎของหาย
ของใช้ที่เราเห็นทุกวันจะหายต่อเมื่อเราต้องการใช้มัน

5. กฎของเมธี
เลขเด็ดที่เราไม่ซื้อ คือเลขที่จะออกงวดนั้น
และหวยที่เราซื้อมักใกล้เคียงกับหวยที่ออก
หากได้บวกลบคูณหารด้วยเลขอะไรสักตัว หรือกลับหน้ากลับหลัง
แต่ถ้าเราซื้อเลขกลับ มันจะออกเลขตรง และถ้าเราซื้อทั้งสองแบบมันจะไม่ออกเลย

6. กฎแรงโน้มถ่วง
วัตถุ 2ชิ้นน้ำหนักไม่เท่ากันจะตกถึงพื้นด้วยความเร็วขนาดที่ทำลายทรัพย์สินได้มากที่สุดเท่าๆกัน

7. ข้อพิจารณาในการเลือกซื้อหนังสือ
หนังสือปกสวย เนื้อในมักห่วย หนังสือปกขี้เหร่ เนื้อในห่วยกว่า

8. กฎห้ามพูด
คนไทยรู้จักกฎนี้ดี จนมีสุภาษิตว่า "เข้าป่าอย่าเรียกหาเสือ"
กฎมีว่า ทันทีที่คุณพูดแสดงความคาดหวัง
ถ้าหวังสิ่งเลวสิ่งเลวจะมาหา และถ้าหวังสิ่งดี สิ่งเลวก็จะมาหา

9. กฎของโฮว์ (Howe's Law)
มนุษย์ทุกคนมักจะทำอะไรไม่สำเร็จ

10. กฎของไซเมอร์กี้
ถ้าคุณรื้อชิ้นส่วนออกมาประกอบใหม่จะมีน็อตเหลือเสมอ

11. ข้อสังเกตของอีตัวร์
รถเลนข้างๆ มักเคลื่อนตัวดีกว่าเลนของเรา

12. กฎการแก้ปัญหา
ในปัญหาใหญ่ๆ ที่เป็นอุปสรรคให้เราแก้ มักมีปัญหาเล็กๆ
อยู่ภายในซึ่งพร้อมจะขยายตัว แทนที่ทันทีที่ปัญหาใหญ่ได้รับการแก้ไขลุล่วง

13. กฎทอง
คนมีทองคือคนออกกฎ

14. ธรรมชาติของมนุษย์
มนุษย์เรามีสองประเภทประเภทแรก คือ คนที่ชอบแยกคนเป็นสองจำพวก
ประเภทที่สอง คือ คนที่รังเกียจพวกแรก

15. กฎยิ่งน้อยยิ่งดีของซีกัล
คนที่มีนาฬิกาเรือนเดียว จะรู้เวลาแน่นอน
คนที่มีนาฬิกาเพิ่มมาอีกเรือน จะไม่แน่ใจว่า เวลาใดถูกต้อง

16. กฎการใช้เวลาเหลื่อมล้ำ
การเริ่มต้นงานเป็นสิ่งยาก เพราะงาน 90 % แรก จะกินเวลาไปถึง 90%
ของเวลาในโครงการ ส่วนงาน 10% ที่เหลือจะกินเวลาอีก 90% ของเวลาในโครงการ

17. กฎของโอ'รีลลี
สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในโลกนี้ คือ การทำโต๊ะทำงานให้สะอาด

18. กฎของลีเบอร์แมน
นักการเมืองทุกคนโกหก แต่ไม่เป็นไรเพราะไม่มีใครฟังใคร

19. กฎน้ำพริกถ้วยเก่า
เสื้อผ้าตัวเก่งจะเก่าซอมซ่อทันทีที่เราได้ตัวใหม่

20. ข้อเท็จจริงขององค์กร
ในทุกหน่วยงานมักมีพนักงานคนหนึ่งและคนเดียว
ที่มองเห็นปัญหาที่แท้จริงขององค์กร และคนๆ นี้จะถูกไล่ออกเสมอ

21. กฎการโต้เถียง
คนที่พูดน้อยคือคนที่รู้มาก

22. กฎการทำงานเป็นทีม
เมื่องานยุ่งยาก ทุกคนผละหนี

23. กฎการมองโลกมนุษย์
สามสิบคนในร้อยคน ชอบมองโลกในแง่ร้าย ที่เหลือมองร้ายกว่า

24. กฏการประกันภัย
เวลาขับรถ มักจะเจออุบัติเหตุรถชน ในวันที่ประกันชั้น1 หมดอายุได้ 1 วัน

25. กฎของเมอร์ฟี่
ถ้ามันเคยผิดพลาด มันก็จะผิดซ้ำอีก

ท้องฟ้า แผ่นดิน และผืนน้ำ

เมื่อก่อนนี้ ท้องฟ้า แผ่นดิน และผืนน้ำ เป็นเพื่อนรักกัน
ทั้งสามอยู่ใกล้ชิดติดกัน จนกระทั่งโลกได้กำเนิดพืชและสัตว์ขึ้น
แผ่นดินและผืนน้ำก็มัวแต่ดูแลเอาใจใส่พืชและสัตว์
จนละเลยและไม่สนใจท้องฟ้า ท้องฟ้าก็เริ่มรู้สึกน้อยใจ
และถอยตัวห่างออกไป ห่างออกไปทุกที ทุกที
จนถึงวันที่มีนกตัวแรกออกโบยบิน
แผ่นดินและผืนน้ำจึงได้รู้ว่าท้องฟ้าได้จากไปไกลแสนไกล
แผ่นดินและผืนน้ำพยายามส่งเสียงเรียกท้องฟ้า
แต่ท้องฟ้าอยู่ไกลมาก เลยไม่ได้ยิน
นกตัวนั้นจึงอาสาที่จะไปบอกกับท้องฟ้า
นกก็บินขึ้นสูง สูงขึ้น สูงขึ้น และส่งเสียงเรียก
แต่เสียงนกนั้นเบาเกินไป ไปไม่ถึงท้องฟ้า
แต่นกก็สัญญาว่า ต่อไปนี้นกทุกตัวจะบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
เพื่อนำข่าวจากแผ่นดินและผืนน้ำไปบอก
ผืนน้ำและแผ่นดินรู้สึกเศร้าใจที่เพื่อนได้ห่างออกไปไกล
และคิดถึงเพื่อนเหลือเกิน
ผืนน้ำพยายามที่จะม้วนตัวเป็นเกลียวคลื่นครั้งแล้วครั้งเล่า
แผ่นดินพยายามยกตัวสูงจนตั้งตระหง่าน
แต่นั่นก็ยังสูงไม่พอ ยังไม่ใกล้ท้องฟ้า
พระอาทิตย์ซึ่งเฝ้ามองดูเหตุการณ์มาโดยตลอด
ก็บอกกับทั้งสองว่า "เราอาจจะช่วยพวกเจ้าได้"
พระอาทิตย์อาสาช่วย โดยการส่องแสงลงมายังผืนน้ำและแผ่นดิน
ทำให้ระเหยกลายเป็นไอ ลอยไปรวมตัวกันเป็นก้อนเมฆ
ลอยขึ้นไปบอกข่าวแก่ท้องฟ้า
เล่าเรื่องราวต่างๆเป็นรูปตามที่แผ่นดินและผืนน้ำได้พบเจอมา
และบอกว่าแผ่นดินและผืนน้ำคิดถึงมาก
อยากให้ท้องฟ้าลงมาสนิทแนบชิดเหมือนเมื่อก่อน
ท้องฟ้าได้รับรู้เรื่องราว ก็รู้สึกเสียใจ แต่ก็กลับลงไปไม่ได้
"ฉันกลับลงไปไม่ได้หรอก เพราะฉันเติบโตขึ้น และอยู่สูงเกินไป ลงไปไม่ได้แล้ว
ฉันได้แผ่ขยายตัวเองจนกว้างขวาง ที่ฉันทำได้ก็เพียงแต่เฝ้ามองดูอยู่ไกลๆ
และโอบกอดแผ่นดินและผืนน้ำไว้อย่างอ่อนโยนเท่านั้น
และถึงแม้จะมีนกบินมาส่งข่าว แต่ฉันก็ยังคิดถึงแผ่นดินและผืนน้ำ
และอยากจะบอกกับทั้งสองว่า ฉันเองคิดถึงเพื่อนมากมายเพียงใด"
ก้อนเมฆก็ตอบว่า "อยู่บนนี้นานๆ ก็เหงาเหมือนกัน
บางทีก็อยากกลับลงไปข้างล่างบ้าง"
ท้องฟ้าเลยบอกว่า "ฉันก็เหงาเหมือนกัน แต่ว่าฉันกลับลงไปไม่ได้
แต่เจ้าลงไปได้นี่ ถ้าอย่างนั้นฉันจะส่งเจ้ากลับลงไป
และความคิดถึงของฉันก็หนักมากพอที่จะส่งพวกเจ้าลงไปหมดทั้งท้องฟ้า"
จากนั้นก้อนเมฆทั้งหมดก็รวมตัวกัน และรวมเข้ากับความคิดถึงอันมากมายของท้องฟ้า
แล้วตกลงมาเป็นหยาดฝน ส่งผ่านความรัก ความคิดถึงมายังแผ่นดินและผืนน้ำ
จึงไม่แปลก ถ้าเมื่อใดที่ฝนตก แล้วเราจะรู้สึกคิดถึงคนที่เรารัก
คนที่เราผูกพัน และบางครั้ง ท้องฟ้าก็ส่งความเหงาลงมาด้วย

รัก...ไม่มีแบบแผนตายตัว

อย่าฝืนใจรัก ถ้ามันไม่ใช่...ไม่มีประโยชน์
ที่จะคบใครสักคนเพียงเพราะอยากจะมีใครสักคน
อย่าเปลี่ยนตัวเองเพียงเพื่อให้เขามารัก เพราะจะทำได้ไม่นาน
วันหนึ่งคุณจะรู้สึกเหนื่อยเพราะความรักที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง
อย่าหลงในรสชาติของความรักเสียจนลืมชีวิตประจำวันของตัวเอง
หรือสูญเสียความเป็นส่วนตัว

คนที่พร้อมจะอยู่กับคุณ
โดยที่คุณไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตเลย
คนที่พร้อมจะเดินหน้าเมื่อคุณเดินหน้า
คนที่พร้อมจะถอยหลังไปกับคุณ
คนที่ไม่ยอมให้คุณเดินตามหลัง...ขอเพียงเดินเคียงข้างกัน
คนที่ไม่บังคับให้คุณทำอะไรในแบบที่คุณไม่ชอบ
คนที่ไว้ใจ ให้อภัย ให้โอกาส ซื่อสัตย์และให้เกียรติคุณ
...นั่นแหละ คือคนที่รักคุณจริง...
จงถนอมคนเหล่านี้ไว้
อย่าปล่อยให้เขาไปจากคุณ

เพราะคุณจะเสียใจ
หากเขาเปลี่ยนไปหยิบยื่นความโชคดี
ที่ควรจะเป็นของคุณไปให้คนอื่น


คนที่รักคนที่เปลือกนอกมีอยู่เยอะเหลือเกิน
ชีวิตคนคนหนึ่ง จะมี
คนที่รักคุณจริงผ่านมาสักกี่คน
ใครที่บอกว่ารักคุณ แล้วพยายามเปลี่ยนคุณ
ดึงคุณให้เดินตามทางของเขา
เขาไม่ได้รักคุณจริงหรอก...เขารักตัวเอง

จงเชื่อในพรหมลิขิต
จงเชื่อในเหตุการณ์ที่นำพาความรักมาให้
อย่าบอกว่าไม่รัก
ถ้าไม่สามารถสบตาเขาอย่างบริสุทธิ์ใจได้
อย่าบอกว่ารัก
ถ้าคุณไม่รู้สึกวูบวาบเวลาอยู่ใกล้ ๆ
อย่าบอกว่าไม่คิดถึง
ถ้าหัวใจไม่อาจลืม

อย่าบอกว่าคิดถึง
ถ้าเพิ่งจากกันไม่ถึง 1 นาที

อย่าปล่อยให้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราหลุดลอยไป
ลองคุยกันมากขึ้น รับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่ายด้วยใจ
จะทำให้เรารู้ว่าเราโชคดีแค่ไหนแล้วที่ได้รู้จักความรัก

อย่าปล่อยให้ใครคนใดคนหนึ่งมีน้ำตา
ทั้งๆ ที่อีกคนหนึ่งกำลังร้องไห้

อย่าปล่อยให้ใครคนใดคนหนึ่งพูด
ทั้งๆ ที่อีกคนหนึ่งไม่ต้องการฟัง

ความรักต้องมาจากความรู้สึกของคนสองคน
อย่าให้ใครคนใดคนหนึ่งหยิบยื่น
แต่อีกคนหนึ่งไม่ต้องการ

ความรักเป็นเพียงสายใยบาง ๆ
ที่มันถูกหล่อหลอมขึ้นจากความรู้สึกต่าง ๆ
ทั้งความอาทร ห่วงใย ห่วงหา คิดถึง

ความอดทนจะทำให้อุปสรรคต่าง ๆ ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
ความพยายามจะทำให้เราสองคนยังอยู่
ความไว้ใจจะทำให้ความรักของเรามั่นคง
ความเสมอต้น...และเสมอปลาย
จะทำให้ความรักของเราสวยงาม
และสุดท้ายความรัก ก็จะก่อตัวขึ้นเป็นความผูกพัน
สิ่งเหล่านี้จะทำให้สายใยบาง ๆ ของความรัก
กลายเป็นเชือกเส้นหนาที่ผูกคนสองคนไว้ด้วยกัน
มันจะเป็นเชือกที่มัดเราไว้ด้วยกัน
เป็นเชือกที่ทำให้เราไม่อึดอัด
และเราจะไม่ดิ้นรน...
ที่จะพยายามหลุดออกจากเชือกเส้นนี้

เมื่อได้เจอความรักที่ดีแล้ว
จงทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว
อย่าปล่อยให้เขาโดดเดี่ยว
อย่าปล่อยให้เขาเดียวดาย

คิดถึงสิ่งดี ๆ ที่เราเคยมีกัน
อย่าลืมวันแรก ๆ ที่เรารู้สึกกับคน ๆ นี้
เขาเป็นคนที่ดีที่สุดแล้วสำหรับเรา
พยายามรักษาเขาไว้
เพราะเมื่อเขาหลุดลอยไปแล้ว
เราจะไม่สามารถเรียกความรู้สึกต่าง ๆ กลับมาได้อีก
เหมือนเวลาที่ไม่สามารถย้อนเดินกลับ


ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
เพราะอดีตแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว
อย่าทิ้งหัวใจของคุณไว้กับอดีต
อย่าคิดว่าอดีตไม่มีวันหวนคืน
อย่าคิดว่าไม่มีพรุ่งนี้
อย่าลืมบทเรียนของเมื่อวาน

ทุกชีวิตยังมีความหวังอยู่เสมอ
จงปล่อยให้ชีวิตดำเนินต่อไป...
วันหนึ่งถ้าชีวิตหวนคืนมาสู่ทางสายเก่า..
ที่เคยทำให้คุณมีความสุข
ระหว่างเดินทางในแต่ละก้าว..
จงอย่าเดินเลี่ยงมันไปอีก

เพราะน้อยนักที่ถนนสายเดิมยังคงสภาพ
เพื่อรอให้คุณเดินย้อนกลับมา...
ลองเดินต่อไปสิ..
บางทีคุณอาจจะเจอจุดหมายที่คุณค้นหามาตลอดชีวิต
ในเส้นทางที่คุณเคยเดินเลี่ยงมันไปก็ได้...

เกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย

1.อย่าทำลายความหวังของใคร ... เพราะอาจเหลืออยู่แค่นั้น...
2.รู้จักฟังให้ดี ... โอกาสทองบางทีมันก็มาถึงแบบแว่วๆ เท่านั้น...
3.จะคิดการใด ... จงคิดการให้ใหญ่เข้าไว้ ...แต่เติมความสนุกสนานลงไปด้วยเล็กน้อย...
4.หัดทำสิ่งดีๆ ให้กับผู้อื่นจนเป็นนิสัย ..โดยไม่จำเป้นต้องให้เขารับรู้...
5.จำไว้ว่าข่าวทุกชนิดถูกบิดเบือนมาแล้วทั้งนั้น...
6.ใครจะวิจารณ์อย่างไรก็ช่าง... ไม่ต้องเสียเวลาโต้ตอบ...
7.ให้โอกาสผู้อื่นเป็นครั้งที่ "2" แต่อย่าให้ถึง"3"...
8.เราไม่ได้ต่อสู้กับ คนโหดร้าย แต่เราต่อสู้กับ ความโหดร้าย ในตัวคน...
9.เมื่อมีใครสวมกอดคุณ ... ให้เขาเป็นฝ่ายปล่อยก่อน...
10.อย่าไปหวังเลยว่าชีวิตนี้จะมีความยุติธรรม...
11.ประเมินตัวเองด้วยมาตรฐานของตัวเองไม่ใช่มาตรฐานของคนอื่น...
12.คงไว้ซึ่งความเป็นคนเปิดเผย ...อ่อนโยนและอยากรู้อยากเห็น...
13.ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้ายเพียงใด จงสุขุมเยือกเย็นเข้าไว้...
14.อย่าวิจารณ์นายจ้าง ... ถ้าทำงานกับเขาแล้วไม่มีความสุข ก็ลาออกซะ...
15.คำนึงถึงการมีชีวิต "กว้างขวาง" มากกว่าการมีชีวิต "ยืนยาว"...

วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2553

รู้มั้ย...ทำไมเวลาคนเราจะสัญญากันต้องเกี่ยวก้อย

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...มีเจ้าหญิงคนหนึ่ง
หน้าตาสวยงามและฉลาดมาก
ด้วยเหตุนี้จึงมีเจ้าชายที่ต้องการ
อภิเษกสมรสด้วยเป็นจำนวนมาก
พระราชาจึงประกาศหาคู่อภิเษกกับเจ้าหญิง...มีผู้ชายมาเข้าคัดเลือกมากมาย
แต่ในที่สุด เจ้าหญิงก็คัดเลือกจนได้เหลือ 5
คน...เจ้าหญิงจึงคิดวิธีเลือกเจ้าชายขึ้นมาได้ โดยซ่อนมือขวาไว้
ด้านหลังแล้วให้เจ้าชายทุกคนชูนิ้วขึ้นมา 1
นิ้วให้ตรงกับเจ้าหญิงแล้วจะอภิเษกด้วย...คนแรกชูนิ้วโป้ง...
คนสองชูนิ้วชี้...คนสาม...คนสี่...และคนที่ห้าชูนิ้วก้อยซึ่งตรงกับเจ้าหญิงพอดีและยื่นมาเกี่ยวกัน...
วันหนึ่งเกิดสงครามครั้งใหญ่
เจ้าชายต้องออกไปร่วมรบด้วย...จึงเกี่ยวก้อยและสัญญากับเจ้าหญิงว่าจะกลับมา
...เมื่อสงครามจบลงเจ้าหญิงก็ยังรอต่อไปโดยที่เจ้าชายยังไม่กลับมา...วัน
เวลาผ่านไปเรื่อยๆเจ้าชายก็ยังไม่มา
แต่ความงดงามของเจ้าหญิงยังไม่เสื่อมคลายจึงมีเจ้าชายมาขออภิเษกเรื่อยๆ...
จนในที่สุดเจ้าหญิงก็ต้องยอมอภิเษกอีกครั้ง
แต่จะยอมอภิเษกด้วยกับคนที่มีนิ้วก้อยขนาดเท่ากับเจ้าหญิงเท่านั้น...
จนในที่สุดก็ไม่มีเจ้าชายคนไหน
มีขนาดนิ้วก้อยเท่ากับเจ้าหญิงเลยซักคน
แต่แล้วก็มีขอทานคนหนึ่งเข้ามาในวัง
ทหารพยายามกีดกันเขาไว้แต่เจ้าหญิง
ให้เข้ามาได้เพราะทุกคนต้องมีสิทธ์เท่าเทียมกันแล้วชูนิ้วก้อยขึ้นมา...
ปรากฏว่าขอทานคนนั้นได้เอานิ้วก้อยมาเกี่ยวด้วยกัน
นั่นหมายความว่าขอทานคนนั้นคือเจ้าชายที่หายสาบสูญไปนั่นเอง
คืนนั้นขอทานคนนั้นก้อได้หายไปจากวัง
โดยไม่มีร่องรอยเหลืออยู่เลย.....วิญญาณของคนเรานั้นมีเวลาอยู่ได้ 49วัน
ซึ่งวันนี้ครบ 49 วันหลังจากที่เจ้าชายหายสาบสูญไปพอดี
แต่ถึงกระนั้นเจ้าชายก็ยังรักษาสัญญากลับมาเจ้าหญิงได้